วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553



เกร็ดความรู้ เวลาดื่มน้ำ… ตอนไหนดีที่สุด



ตื่นนอนตอนเช้า 1 แก้ว (400 ซี.ซี.) เพราะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง เลือดจะมีลักษณะขาดน้ำ
ตอนสายๆ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า) ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อมาชำระของเสียเหล่านั้นออกไป
ตอนบ่ายๆ 3 แก้ว (เวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง)
ตอนเย็น 3 แก้ว (เวลาประมาณ 1 ทุ่มถึง 2 ทุ่ม) ก่อนนอนให้ดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ยิ่งถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยแล้วจะยิ่งช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น
การดื่มน้ำเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย และก็ควรดื่มให้ได้อย่างน้อย วันละ 8-10 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดี

เรื่องน่ารู้ รักษาอาการตกหมอน เบื้องต้น


อย่าพยายามเคลื่อนไหวคอให้อยู่นิ่ง ๆ จากนั้นให้นำกระเป๋าน้ำร้อนมาวางบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอที่กดแล้วเจ็บ ประมาณ 20-30 นาที และกดนวดบริเวณคอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ระวังอย่าให้น้ำร้อนมากเกินไป
ถ้าไม่ประคบ ก็อาจรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดอาการเจ็บปวด ควรใช้ยาอย่างถูกวิธี เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงสูง

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553





เรื่องน่ารู้ ลดหน้าท้อง ด้วยการอาบน้ำ


ขั้นตอน

1.ต้องเตรียมน้ำให้อยู่ในระดับ 40 องศา เซลเซียส
2.จากนั้น ให้นั่งคุกเข่าในน้ำในท่าตัวตรงยืดอก ใช้ฝ่ามือทั้งสองแนบบริเวณหน้าท้อง แล้วค่อยๆ ลูบลงเบาๆ ประมาณ 20 ครั้ง
3.หลังจากนั้นให้ใช้ฝ่ามือนวด บริเวณหน้าท้องในลักษณะวงกลมวนไปทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง
4.เมื่อนวดเสร็จแล้ว ใช้ฝักบัวฉีดน้ำอุ่นที่ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าท้อง
5.ทำเป็นประจำทุกวัน ควบคู่ไปกับการออกกำลังปกตินะคะ




1.ให้ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันลง เช่น จากที่เคยดื่มวันละ 4 แก้วให้ลดลงเหลือ 3 แก้ว แต่หากจำเป็นต้องดื่มแก้วที่ 4 ให้ชงด้วยกาแฟสกัดคาเฟอีน(Decaffeinated) จนกระทั่งร่างกายเริ่มชินก็ให้ลดปริมาณลงอีก
2.สำรวจว่า นอกจากกาแฟแล้ว ท่านยังได้รับคาเฟอีนจากอาหารชนิดใดอีกบ้าง เช่น ชา โกโก้ ช็อคโกแลต ซีเรียลรสโกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น จากนั้นให้ลดการบริโภคทุกอย่างร่วมกับการลดปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน หรือเลิกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้
3.นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
4.ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ 1-2 ลิตร และการรับประทานวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลีย
5.การออกกำลังกาย จะช่วยให้สมองเพิ่ม ซีโรโตนิน(serotonin) และโดปามีน(dopamine) ได้เช่นเดียวกันกับการได้รับคาเฟอีน
6.งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
7.รับประทานอาหารเช้า เพราะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพียงพอจะช่วยให้สมองและร่างกายทำงานได้โดยไม่อ่อนเพลีย
8.หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และควรหลีกเลี่ยงการไปร้านกาแฟ
9.หากมีอาการปวดศรีษะระหว่างงดกาแฟ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล หรือแอสไพรินได้ ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนซึ่งมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่
10.หากมีอาการหงุดหงิด ใจสั่น อาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นช่วย