วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553



สูตรบำรุงผิว ทำจากผักพื้นบ้าน


-ผักกาดหอม ปั่นผักกาดหอมหั่น 1 ถ้วย นมสด 1/3 ถ้วย วุ้นว่านหางจระเข้ 3 ช้อนโต๊ะไข่แดง 1 ฟอง และน้ำมันมะกอก 1 ชอนชา ให้ละเอียดเป็นเนื้อครีม แล้วทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น สัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะชุ่มชื้นเนียนขาวใส เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย
-บัวบก ปั่นใบบัวบก 1 ถ้วย โยเกิร์ต ½ ถ้วย และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ จนละเอียดเป็นเนื้อครีมข้น แล้วทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น จะทำให้ผิวหน้าเนียน ขาวใส รูขุมขนกระชับ
-ผักชีฝรั่ง ใช้รากและใบผักชีฝรั่งสด 2 ถ้วยปั่นกับน้ำต้ม 1 ถ้วย กรองเอาแต่น้ำมาปั่นอีกครั้งกับวุ้นว่านหางจระเข้ ½ ถ้วย ใช้สำลีชุบส่วนผสมทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวหน้าจะเนียนนุ่ม เต่งตึง ขาวใส

จุดชมวิวเกาะ Hongkong - Victoria Peak


Hongkong - Victoria Peak จุดชมวิวอันเลื่องชื่อ

ล่องเรือกอนโดลา
ชมเวนิซ...แห่งแรกเอเชีย ล่องเรือกอนโดลาในเวเนเชี่ยน มาเก๊า

เมกะโปรเจ็กต์ เวเนเชี่ยน มาเก๊า : โคไต สตริป อาณาจักรกาสิโนรีสอร์ตครบวงจร ที่ เชลดอน อาเดลสัน เจ้าของเนรมิตโครงการให้มีนักท่องเที่ยวเลือกเรียนรู้และสัมผัสครบวงจรมากกว่าการเป็นเพียงกาสิโนรีสอร์ต
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ภายในพื้นที่ 80 เฮกตาร์ ออกแบบพื้นที่เชื่อมต่ออาคารห้องพักของโรงแรมและล็อบบี้กาสิโน รีสอร์ตลัดเลาะบันไดเลื่อนขึ้นชั้น 2 มุ่งหน้าตามป้ายบอกทางตรงไปยัง เดอะ แกรนด์ คาแนลช็อป ลอดประตูเมืองชั้นแรกเข้าไปจะเห็นถึงสถาปัตยกรรมอลังการ ยกเมืองแห่งน้ำ เวนิซ อิตาลี มาอยู่ในพื้นที่ขนาด 1 ล้านตารางฟุต เป็น เวนิซเอเชีย แห่งแรก
ปากประตูทางเข้าเมืองถูกสร้างตามตำนานจากความเชื่อแบบตะวันตกว่า ก้าวแรกที่ นักท่องเที่ยวเหยียบย่างเข้าสู่เมืองจะมีนักบุญอุปถัมภ์เก่าแก่ยืนตระหง่านอยู่บนเสาหินโบราณต้นแบบเดิมในเมืองเวนิซ 2 คน คือ เซนต์มาร์กกับเซนต์ธีโอออร์ซี่ ยืนอยู่บน เสาหินให้การต้อนรับ รวมทั้งคอยเฝ้าดูผู้คนที่ผ่านเข้าออกไม่คลาดสายตา เสานี้ถูกสร้าง ปี ค.ศ.1172 โดยฝีมือวิศกรนิโคโล บารัตเตียรี่ ผู้ที่ได้รับสิทธิในการตั้งโต๊ะเพื่อเล่นพนันระหว่างเสา เพื่อเป็นเคล็ดความสำเร็จการก่อสร้างของบารัตเตียรี่จึงได้ความนิยมอย่างสูง รวมทั้งเป็นที่มาของเครือเวเนเชี่ยนฯนำหลักฮวงจุ้ยมาใช้
บริเวณลานกว้างใจกลางเมืองตึกแรกที่จะเห็นคือ ปราสาทแห่งดอจจ์ (Doges Palace) สถาปัตยกรรมแบบโกธิก เคยเป็นที่อยู่ของดอจจ์ ผู้ปกครองชาวเวนิซมาหลายศตวรรษ ภายหลังต่อเติมต้นแบบปัจจุบันคือปี ค.ศ.1340 ยุคสมัยแห่งสวรรค์ของทินโตเรตโต้ เชื่อกันว่าภาพวาดบนผืนผ้าใบใหญ่สุดในโลก รวมทั้งมีคุกในปราสาทที่คาสโนว่าเคยหลบหนีเมื่อปี ค.ศ.1755 ส่วนเจ้าของเวเนเชี่ยนเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของเซนต์มาร์ก ตามที่นักบุญ จอห์น เดอะ แบบติ๊ส กล่าวไว้ว่า เป็น พระวจนะของพระเจ้า เป็นเสมือนสิงโตคำราม ตรงกับเวเนเชี่ยน มาเก๊า ใช้สิงโตติดปีกเป็นสัญลักษณ์
พื้นที่คดเคี้ยวรูปทรง 4 เหลี่ยมรอบเมืองเวนิซ มีตึกสูงตั้งเรียงรายสูงเสียดท้องฟ้าจำลอง บรรยากาศยามเย็นแบบสลัวๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายเมืองหนาวสุดแสนโรแมนติก ทุกตึก ตั้งติดคลองจริงกว้าง 490 ฟุต เชื่อมต่อกันถึง 3 คลอง ที่ซื้อน้ำมาใส่กว่า 2.2 หมื่นลูกบาศก์เมตร เทียบแล้วเท่ากับสระโอลิมปิกรวมกัน 11 สระ คลองแต่ละจุดจะมีอู่เรือและท่าเรือสีขาวเป็นจุดจอดเรือ กอนโดลา ต้นตำรับอิตาลีไว้บริการ 51 ลำ เป็นเรือไม้โบราณแกะสลักลายลงแล็กเกอร์มันวาวประดับด้วยดอกไม้หอม ฝีพายแต่งชุดกะลาสีลายดำคาดแดงระหว่างพายให้คู่บ่าวสาว คู่รัก คู่ฮันนีมูน
ระหว่างรอยต่อแต่ละคลองจะมีส่วนโค้งให้เรือลอดผ่านเรียกกันว่า สะพานแห่งเสียงคร่ำครวญ (The Brigde of Sighs) อยู่ทางด้านขวาของปราสาทดอจจ์และเป็นจุดเชื่อมห้องปริศนาของปราสาทกับคุกเก่า ชื่อนี้มาจากวรรณกรรมโรแมนติกกล่าวขานกันว่า จะได้ยินเสียงคนถูกลงโทษคร่ำครวญ อันน่าสะพึงกลัวจากสะพานแห่งนี้
ทางด้านขวาของดอจจ์มีปราสาทขนาดมหึมาอีกหลัง The CADORO มีความหมายว่า บ้านแห่งทองคำ สร้างใน ค.ศ.1420 ตามคำสั่งของ มารีโน คอนตารินี ซึ่งต้องการออกแบบให้เมืองเวนิซมีความโดดเด่นด้วยสีแผ่นทองคำและสีแดง แต่ภายหลังถูกบารอน ฟรานเซตติ กูรูศิลปะซื้อไปบูรณะจนกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เชลดอน อาเดลสัน เจ้าของเวเนเชี่ยนมีความมั่นใจว่าในมาเก๊าได้เหมือนจริงมากที่สุด
สถาปัตยกรรมจำลองเมืองเวนิซภายในพื้นที่ทั้งหมดมีหลายส่วนที่อบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง เช่น Palazzo Contarini-Fasan ตามตำนานท้องถิ่นอาคารหลังนี้ครอบครัวตารินี่ ผู้ทรงอิทธิพลและมั่งคั่งเป็นเจ้าของ ผลงานชิ้นเอกของเวนิซสร้างโดย จอห์น รัสกิน บ่งบอกถึงความงามและความสูงศักดิ์ที่เข้ากับบ้านธรรมดาได้ อีกทั้งยังรู้จักกันในนาม บ้านของเดสดีโมนา จากโอเตลโล่ ของ วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์
หรือแม้แต่ หอนาฬิกา (The Clock Tower) ติดผนังอาคารลักษณะเหมือนดวงจันทร์ หน้าปัดเคลือบพื้นสีฟ้า มีตัวเลขทำจากสัตว์ราศรีต่างๆ บอกเวลา มีเรื่องราวว่า โมริ แม่พระพรหมจรรย์และกุมารในปลายศตวรรษที่ 15 จะออกมาตีระฆังทุกชั่วโมง
สุดท้ายเป็น หอระฆัง The Campanile Tower สมัยนั้นสร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ 2 อย่างเป็นหอสังเกตการณ์ทางการทหารและไฟนำทางการเดินเรือ
บรรยากาศรอบเมืองเวนิซใน เวเนเชี่ยน มาเก๊า : เดอะ โคไต สตริป นั้น รอบเมืองมีร้านค้าปลีก 350 ร้าน ภัตตาคารดัง 30 แห่ง ฟู้ดคอร์ตอาหารนานาชาติ 1,000 ที่นั่ง คลอง 3 คลอง สะพานเรียลโตกว้าง 157 เมตร เรือกอนโดลา 51 ลำ นักแสดงบนถนนสตรีตโมสเฟียร์ 60 คน จะคอย เอ็นเตอร์เทนผู้คน

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553



-ต้องตัดแต่งกิ่งต้นไม้ยืนต้นให้โปร่งก่อนเข้าหน้าฝน ถ้ากิ่งก้านทึบมากเกินไปจะทำให้กิ่งฉีก หักได้ง่าย เพราะน้ำฝนที่เกาะบนใบไม้ในปริมาณมาก จะมีน้ำหนักมากขึ้นทำให้กิ่งฉีกขาดเสียหาย นอก จากนี้หน้าฝนจะมีพายุและลมแรง ทำให้กิ่งไม้ฉีกขาดหรือหักได้
-ต้องมั่นใจว่าพื้นที่ปลูกต้นไม้ไม่มีน้ำท่วมขัง เพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้ต้นไม้เกิดอาการรากเน่า ควรจะปรับเนินดินเพื่อไม่ให้น้ำขังบริเวณโคนต้น ถ้าทำเนินดินแล้วต้นไม้ยังได้น้ำมากเกินไปอยู่ ควรจะทำระบบระบายน้ำจากบริเวณรอบโคนต้นไม้ ให้น้ำไหลออกไปเร็วที่สุด แต่ควรระวังปริมาณดินที่มาปรับทำเนินจะทำให้เกิดอันตรายต่อต้นไม้ได้
-ควรฉีดยาพ่น ยาป้องกันกำจัดเชื้อราด้วย เพราะเชื้อราคือสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตและคุณภาพ ของพืชพรรณลดลง
-หมั่นกำจัดวัชพืชที่ขึ้นปกคลุมต้นไม้เป็นประจำ เพราะหน้าฝนวัชพืชจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและขึ้นปกคลุมต้นไม้ แย่งอาหารและแสงแดด ทำให้ต้นไม้อ่อนแอ ตลอดจนเป็นแหล่งสะสม เชื้อราและโรคพืช ถ้าหากปล่อยให้วัชพืชโตเกินไปจะทำให้กำจัดยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง
-ควรพรวนดินเพื่อให้ดินมีโอกาสแห้งในระดับผิวดินบ้าง และรากต้นไม้ที่อยู่ในระดับหน้าดิน จะได้รับออกซิเจนบ้าง
-ไม่ควรใส่ปุ๋ยมากเกินไป หรือถ้าใส่ต้องรีบพรวนดินเพื่อให้ดินกลบปุ๋ยก่อนที่น้ำฝนจะชะล้างปุ๋ย ให้ไหลไปที่อื่น เพราะถือเป็นการสิ้นเปลือง
-สำหรับต้นไม้ที่ปลูกใหม่ควรค้ำยันให้ดี เพราะ ยังไม่มีรากที่จะยึดเกาะดินพยุงลำต้นได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งลมแรงอาจทำให้ต้นไม้โอนเอนไปตามลม ซึ่งจะทำลายระบบรากที่กำลังแตกออก อาจทำให้ต้นไม้ชะงักการเจริญเติบโตได้