วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ล่องเรือกอนโดลา
ชมเวนิซ...แห่งแรกเอเชีย ล่องเรือกอนโดลาในเวเนเชี่ยน มาเก๊า

เมกะโปรเจ็กต์ เวเนเชี่ยน มาเก๊า : โคไต สตริป อาณาจักรกาสิโนรีสอร์ตครบวงจร ที่ เชลดอน อาเดลสัน เจ้าของเนรมิตโครงการให้มีนักท่องเที่ยวเลือกเรียนรู้และสัมผัสครบวงจรมากกว่าการเป็นเพียงกาสิโนรีสอร์ต
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ภายในพื้นที่ 80 เฮกตาร์ ออกแบบพื้นที่เชื่อมต่ออาคารห้องพักของโรงแรมและล็อบบี้กาสิโน รีสอร์ตลัดเลาะบันไดเลื่อนขึ้นชั้น 2 มุ่งหน้าตามป้ายบอกทางตรงไปยัง เดอะ แกรนด์ คาแนลช็อป ลอดประตูเมืองชั้นแรกเข้าไปจะเห็นถึงสถาปัตยกรรมอลังการ ยกเมืองแห่งน้ำ เวนิซ อิตาลี มาอยู่ในพื้นที่ขนาด 1 ล้านตารางฟุต เป็น เวนิซเอเชีย แห่งแรก
ปากประตูทางเข้าเมืองถูกสร้างตามตำนานจากความเชื่อแบบตะวันตกว่า ก้าวแรกที่ นักท่องเที่ยวเหยียบย่างเข้าสู่เมืองจะมีนักบุญอุปถัมภ์เก่าแก่ยืนตระหง่านอยู่บนเสาหินโบราณต้นแบบเดิมในเมืองเวนิซ 2 คน คือ เซนต์มาร์กกับเซนต์ธีโอออร์ซี่ ยืนอยู่บน เสาหินให้การต้อนรับ รวมทั้งคอยเฝ้าดูผู้คนที่ผ่านเข้าออกไม่คลาดสายตา เสานี้ถูกสร้าง ปี ค.ศ.1172 โดยฝีมือวิศกรนิโคโล บารัตเตียรี่ ผู้ที่ได้รับสิทธิในการตั้งโต๊ะเพื่อเล่นพนันระหว่างเสา เพื่อเป็นเคล็ดความสำเร็จการก่อสร้างของบารัตเตียรี่จึงได้ความนิยมอย่างสูง รวมทั้งเป็นที่มาของเครือเวเนเชี่ยนฯนำหลักฮวงจุ้ยมาใช้
บริเวณลานกว้างใจกลางเมืองตึกแรกที่จะเห็นคือ ปราสาทแห่งดอจจ์ (Doges Palace) สถาปัตยกรรมแบบโกธิก เคยเป็นที่อยู่ของดอจจ์ ผู้ปกครองชาวเวนิซมาหลายศตวรรษ ภายหลังต่อเติมต้นแบบปัจจุบันคือปี ค.ศ.1340 ยุคสมัยแห่งสวรรค์ของทินโตเรตโต้ เชื่อกันว่าภาพวาดบนผืนผ้าใบใหญ่สุดในโลก รวมทั้งมีคุกในปราสาทที่คาสโนว่าเคยหลบหนีเมื่อปี ค.ศ.1755 ส่วนเจ้าของเวเนเชี่ยนเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของเซนต์มาร์ก ตามที่นักบุญ จอห์น เดอะ แบบติ๊ส กล่าวไว้ว่า เป็น พระวจนะของพระเจ้า เป็นเสมือนสิงโตคำราม ตรงกับเวเนเชี่ยน มาเก๊า ใช้สิงโตติดปีกเป็นสัญลักษณ์
พื้นที่คดเคี้ยวรูปทรง 4 เหลี่ยมรอบเมืองเวนิซ มีตึกสูงตั้งเรียงรายสูงเสียดท้องฟ้าจำลอง บรรยากาศยามเย็นแบบสลัวๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายเมืองหนาวสุดแสนโรแมนติก ทุกตึก ตั้งติดคลองจริงกว้าง 490 ฟุต เชื่อมต่อกันถึง 3 คลอง ที่ซื้อน้ำมาใส่กว่า 2.2 หมื่นลูกบาศก์เมตร เทียบแล้วเท่ากับสระโอลิมปิกรวมกัน 11 สระ คลองแต่ละจุดจะมีอู่เรือและท่าเรือสีขาวเป็นจุดจอดเรือ กอนโดลา ต้นตำรับอิตาลีไว้บริการ 51 ลำ เป็นเรือไม้โบราณแกะสลักลายลงแล็กเกอร์มันวาวประดับด้วยดอกไม้หอม ฝีพายแต่งชุดกะลาสีลายดำคาดแดงระหว่างพายให้คู่บ่าวสาว คู่รัก คู่ฮันนีมูน
ระหว่างรอยต่อแต่ละคลองจะมีส่วนโค้งให้เรือลอดผ่านเรียกกันว่า สะพานแห่งเสียงคร่ำครวญ (The Brigde of Sighs) อยู่ทางด้านขวาของปราสาทดอจจ์และเป็นจุดเชื่อมห้องปริศนาของปราสาทกับคุกเก่า ชื่อนี้มาจากวรรณกรรมโรแมนติกกล่าวขานกันว่า จะได้ยินเสียงคนถูกลงโทษคร่ำครวญ อันน่าสะพึงกลัวจากสะพานแห่งนี้
ทางด้านขวาของดอจจ์มีปราสาทขนาดมหึมาอีกหลัง The CADORO มีความหมายว่า บ้านแห่งทองคำ สร้างใน ค.ศ.1420 ตามคำสั่งของ มารีโน คอนตารินี ซึ่งต้องการออกแบบให้เมืองเวนิซมีความโดดเด่นด้วยสีแผ่นทองคำและสีแดง แต่ภายหลังถูกบารอน ฟรานเซตติ กูรูศิลปะซื้อไปบูรณะจนกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เชลดอน อาเดลสัน เจ้าของเวเนเชี่ยนมีความมั่นใจว่าในมาเก๊าได้เหมือนจริงมากที่สุด
สถาปัตยกรรมจำลองเมืองเวนิซภายในพื้นที่ทั้งหมดมีหลายส่วนที่อบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง เช่น Palazzo Contarini-Fasan ตามตำนานท้องถิ่นอาคารหลังนี้ครอบครัวตารินี่ ผู้ทรงอิทธิพลและมั่งคั่งเป็นเจ้าของ ผลงานชิ้นเอกของเวนิซสร้างโดย จอห์น รัสกิน บ่งบอกถึงความงามและความสูงศักดิ์ที่เข้ากับบ้านธรรมดาได้ อีกทั้งยังรู้จักกันในนาม บ้านของเดสดีโมนา จากโอเตลโล่ ของ วิลเลี่ยม เช็กสเปียร์
หรือแม้แต่ หอนาฬิกา (The Clock Tower) ติดผนังอาคารลักษณะเหมือนดวงจันทร์ หน้าปัดเคลือบพื้นสีฟ้า มีตัวเลขทำจากสัตว์ราศรีต่างๆ บอกเวลา มีเรื่องราวว่า โมริ แม่พระพรหมจรรย์และกุมารในปลายศตวรรษที่ 15 จะออกมาตีระฆังทุกชั่วโมง
สุดท้ายเป็น หอระฆัง The Campanile Tower สมัยนั้นสร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ 2 อย่างเป็นหอสังเกตการณ์ทางการทหารและไฟนำทางการเดินเรือ
บรรยากาศรอบเมืองเวนิซใน เวเนเชี่ยน มาเก๊า : เดอะ โคไต สตริป นั้น รอบเมืองมีร้านค้าปลีก 350 ร้าน ภัตตาคารดัง 30 แห่ง ฟู้ดคอร์ตอาหารนานาชาติ 1,000 ที่นั่ง คลอง 3 คลอง สะพานเรียลโตกว้าง 157 เมตร เรือกอนโดลา 51 ลำ นักแสดงบนถนนสตรีตโมสเฟียร์ 60 คน จะคอย เอ็นเตอร์เทนผู้คน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น